เปิดใจ ‘เอ๊ะ จิรากร’ ผ่านโหนกระแส เหตุถูกต่อยหน้า ระดับการได้ยินลดลง

เปิดใจ ‘เอ๊ะ จิรากร’ ผ่านโหนกระแส เหตุถูกต่อยหน้า ระดับการได้ยินลดลง

เปิดใจ เอ๊ะ จิรากร สมพิทักษ์ ผ่านรายการโหนกระแสที่แรก เผยยังขวัญเสียกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่กล้ากลับบ้าน ซ้ำระดับการได้ยินลดลง พร้อมแจ้งความหลังให้สัมภาษณ์เสร็จ หนึ่งในข่าวของวงการบันเทิงที่ตอนนี้หลาย ๆ คนให้ความสนใจกันอย่างล้นหลาม จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2566 นักร้องหนุ่ม ‘เอ๊ะ จิรากร’ ถูกชายปริศนาเข้ามาต่อยหน้าอย่างอุกอาจก่อนที่จะหลบหนีออกจากร้านไป จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์สนั่นโซเชียลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมา

ล่าสุด เอ๊ะ จิรากร ได้ออกมาเปิดใจในรายการโหนกระแสเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นที่แรก 

พร้อมเจ้าของร้านเกิดเหตุ เผยหลังสัมภาษณ์เสร็จจะเข้าไปแจ้งความทันที ว่า “ตรวจร่างกายแล้ว ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ ระดับการได้ยินลดลง เหตุการณ์วันนั้นเล่นมาเพลงที่ 5 – 6 แต่เขาเดินมา 1 รอบแล้ว ซึ่งผมก็เล่นปกติ สักพักเขาเดินมาใหม่ประมาณ 10 – 15 นาที มาพร้อมกับแก้วและโทรศัพท์ ผมคิดว่าเขาจะขอเพลง ยื่นมือจะมาโอบ สักพักการ์ดมาดึง แล้วเขาผลักการ์ด และใส่ผมเลย”

“ตอนแรกเข้าใจว่าเขามาตามหาแฟน แต่หลัง ๆ เหมือนเข้ามาป่วนผมด้วย ซึ่งตอนที่เขาเดินขึ้นไปยังไม่ทันเห็นอะไร เขาโดนการ์ดกันก่อน ที่เขาอ้างสะบัดมือ เข้าต้องคว้ามือผม แต่เข้าไม่ได้คว้า หลังจากที่เขาต่อยเสร็จ เขาก็ไปตามหาเมียเขา ผมได้สอบถามร้านว่าเขาเป้นใคร แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ ไม่รู้ว่าเขาใหญ่เบอร์ไหน เลยให้เบนซ์ อาปาเช่ ติดต่อ กัน จอมพลัง เพราะนอนไม่หลับ”

“ตอนเขาออกไปตามเพื่อน ผมไม่รู้ว่าเขาไปเอาอะไรที่รถ ซึ่งผมได้รอให้เขากลับไปก่อน ตอนเสร็จงานผมไม่กล้ากลับบ้านเลย แถมเปลี่ยนรถด้วย ขอไปนอนบ้านเพื่อนก่อน เพราะผมก็กังวล เขาอุกอาจมากขนาดนี้ เขาอาจจะมาทำร้ายผมอีกก็ได้”

“หลายครั้งที่ได้ยินข่าวศิลปินโดนทำร้าย และอีกหลาย ๆ เคส อยากวอนขอให้ยกระดับมาตรฐานในการดูแลศิลปิน เพื่อความปลอดภัยของการแสดง ตอนนี้ผมมองเป็นแฟชั่นแล้ว อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งของการเลียนแบบ ผมอยากให้ทุกคนให้เกียรติกัน ในทางฝั่งผู้ก่อเหตุที่ไปมอบตัว ก็อย่างที่บอก ผมยังไม่กล้ากลับบ้านเลย”

ทางด้านของ ‘เวอร์’ เจ้าของร้าน ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “เด็กเสิร์ฟเล่าว่าเขาเคยมาช่วงกลางปีที่แล้ว ตอนนั้นไม่มีปัญหาอะไร ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ส่วนตัวและพนักงานคิดว่าเป็นการป่วน ถ้าจะอ้างตามหาแฟน เป็นไปไม่ได้ แฟนเขาไม่ได้มาแถวนี้ จากที่ดูในไลน์กลุ่มพีอาร์ เพราะถ้าเขามาหาแฟน คงถามหาจากพีอาร์ด้วยกัน”

“แต่จากที่ดูกล้องวงจรปิด เวลาคอนเสิร์ตขึ้น ไม่ได้ดู่ามีกิริยาสนุกสนาน เพราะตอนเอ๊ะร้องเขาเฉย ๆ นั่งหันหลังให้เวทีด้วยซ้ำ แล้วเขาเรียกพีอาร์ไปนั่งที่โต๊ะ 3 คน พีอาร์บอกเขานั่งเงียบ ๆ ดูโทรศัพท์ เหล้าบนโต๊ะก็ยุบไปน้อยมาก ดูทรงแล้วไม่น่าเมา น้องพีอาร์ที่เล่าก็ยืนยัน”

“ร้านได้รับผลกระทบ เสียหาย เพราะกระแสค่อนข้างแรง ยอมรับว่าการ์ดทำงานบกพร่องจริง คอนเสิร์ตครั้งหน้าต้องเข้มงวดกว่านี้ รวมถึงเวทีคอนเสิร์ต ในวันนั้นลูกค้าบางส่วนไม่พอใจ บางส่วนขอคืนเงิน บางส่วนอยู่ต่อ”

ทั้งนี้ หลังจากที่ เอ๊ะ จิรากร ให้สัมภาษณ์กับทางโหนกระแสเสร็จ เจ้าตัวก็จะเดินทางไปแจ้งความทันที และจะไม่มีการยอมความเด็ดขาด เพื่อไม่ให้เป็นพฤติกรรมเลียนแบบในสังคม และอยากให้มีการยกมาตรฐานทั้งการทำงานของหลายฝ่าย และพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ การให้เกียรติกัน การให้ความสำคัญและการมีน้ำใจต่อกัน ถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก

ชาวเน็ตเสียงแตก! ‘วู้ดดี้’ รณรงค์ให้เลิกพูดว่า “อย่าคิดมาก”

กลายเป็นประเด็นที่ถูกถกเถียงกันเป็นอย่างมากเมื่อพิธีกรชื่อดัง ‘วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา‘ ออกมาโพสต์รณรงค์ให้เลิกพูดว่า “อย่าคิดมาก” ผ่านทางบัญชีเฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘Woody‘ ชี้ ไม่ได้ช่วยอะไร มันแสดงให้เห็นถึงความไม่เข้าใจ โดยระบุว่า “อยากรณรงค์ให้คนเลิกพูดคำว่า “อย่าคิดมาก” จัง มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะมันโชว์ให้เห็นถึงความไม่เข้าใจ แล้วทำให้คนฟังอยากตะโกนพูดว่า “มรึงลองมาเป็นกูก่อน”” ก่อนที่จะแนบแคปชั่นสั้น ๆ เผย “ขอให้เป็นผู้ฟังที่มีความ Empathy ก็พอ”

จนข้อความดังกล่าวเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกโซเชียล มีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ฝั่งคนที่เห็นด้วยก็บอกว่า “เห็นด้วยค่ะ”, “มันเป็นคำผลักภาระจริงๆค่ะ พอเราแคร์คนที่พูดแบบนี้น้อยลงแล้วค่อยถอยออกมา อนาคตจะดีขึ้นมากๆ เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่เคยเจอเหมือนกันนะ ✌🏻”, “เบื่อคำพูดประโยคนี้มากกกกก”, ฯลฯ

ในส่วนของคนที่ไม่เห็นด้วยก็แสดงความคิดเห็นว่า “ขอรณรงค์ว่า อย่าไปคุยกับคนอื่นตั้งแต่แรกครับ เก็บไว้คนเดียวนั่นเเหละ หรือ ไม่ก็ไปพบจิตแพทย์เลย เพราะเพื่อนก็อาจจะอยากตะโกนกลับไปว่า กรูไม่ได้อยากรู้เรื่องของมรึงงงง รำคานนนนน คนอะไรเอาใจยากชิบหาย

ปล. ทุกคนมีปัญหาของตัวเองหมดแหละ คนที่ฟังเราอยู่ ก็อาจจะมีปัญหาของเขาเหมือนกัน เพียงแต่คนเรา ชอบมองปัญหาของตัวเองใหญ่ที่สุดเท่านั้นเอง

ดังนั้น ต่างคน ต่างอยู่ ต่างคน ต่างแก้เองเถอะ ไม่ต้องไปหวังให้ใครต้องมาพูดอะไรกับเรา ต้องเข้าใจว่า เขาก็คนธรรมดา ไม่ใช่จิตแพทย์ ถ้าอยากได้คำตอบดีๆ ทุกรายละเอียด ก็ shotcut ไปหาจิตแพทย์เลย ดีกว่าลากคนอื่นมารับรู้ปัญหาตัวเอง เอาปัญหาไปโยนในสมองคนอื่น แล้วไปตราหน้าว่าเขาผิดอย่างนั้นอย่างนี้อีก มันเหมือนการขอให้คนอื่น Empathy โดยที่ตัวเองก็ไม่ Empathy”,

เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> สล็อตเว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ 777 ดัมมี่